United States of America (USA)

ระบบการศึกษา

1. หลักสูตรภาษาอังกฤษ (English Course)

มีนักเรียนจำนวนหลายพันคนเดินทางเข้ามาศึกษาภาษาอังกฤษในประเทศสหรัฐ อเมริกาทุกปี หลายคนเข้ามาศึกษาภาษาอังกฤษเพื่อเตรียมความพร้อมในการศึกษาต่อในระดับ วิทยาลัยหรือระดับมหาวิทยาลัยที่ประเทศนี้ บางก็มาศึกษาภาษาอังกฤษไปพร้อมกับเก็บเกี่ยวประสบการณ์การใช้ชีวิตแบบ อเมริกันชน บางก็มาเพื่อพัฒนาทักษะทางภาษาอังกฤษเพื่อความพัฒนาในอาชีพของตน แต่ด้วยเหตุผลใดก็ตาม การศึกษาภาษาอังกฤษ มีความสนุกสนาน ได้รับประสบการณ์และเรียนรู้วัฒนธรรมจากหลายชนชาติ และพบเพื่อนใหม่จากทั่วทุกมุมโลก

เนื่องจากประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่มีขนาดใหญ่ มีชุมชนในเมืองใหญ่และชุมชนในชนบท วิทยาลัยและมหาวิทยาลัยก็มีทั้งขนาดใหญ่และเล็ก ซึ่งเป็นทั้งของเอกชนและของรัฐบาล ดังนั้น การเลือกที่เรียนที่เหมาะสมที่สุด จึงเป็นก้าวแรกที่จะนำไปสู่ความสำเร็จที่ได้ตั้งไว้ในการเข้ามาทำการศึกษา ภาษาอังกฤษที่ประเทศสหรัฐอเมริกา หลักสูตรภาษาอังกฤษอาจแบ่งได้เป็น 2 หลักสูตร คือ

หลักสูตรของวิทยาลัยและมหาวิทยาลัย เสนอหลักสูตรติวเข้มภาษาอังกฤษแบบเต็มเวลา ซึ่งหลักสูตรติวเข้มภาษาอังกฤษส่วนใหญ่นั้นนักศึกษาต้องใช้เวลาทำการศึกษาใน ชั้นเรียน 20-25 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ และตามเงื่อนไขของการขอวีซ่านักเรียนของประเทศสหรัฐอเมริกานั้น นักศึกษาต้องทำการศึกษาในชั้นเรียนเป็นเวลาอย่างน้อย 18 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ดังนั้น นักศึกษาจึงเริ่มทำการศึกษาตั้งแต่วันแรกของภาคการศึกษา

ข้อได้เปรียบของหลักสูตรนี้คือ นักศึกษาสามารถเข้าพักอาศัยในหอพักนักศึกษาของวิทยาลัยหรือมหาวิทยาลัยได้ และยังสามารถเข้าใช้ห้องสมุด สถานที่พักผ่อน สถานที่เล่นกีฬา และเครื่องอำนวยความสะดวกอื่น ๆ ในวิทยาลัยหรือมหาวิทยาลัยได้อย่างเต็มที่ อีกทั้งนักศึกษายังมีโอกาสได้ทำการฝึกฝนพูดภาษาอังกฤษกับนักศึกษาคนอื่น ๆ ที่อาศัยอยู่ในหอพักนักศึกษาเดียวกันหรือในเวลาที่อยู่ในโรงอาหาร

ในวิทยาลัยหรือมหาวิทยาลัยบางแห่ง นักศึกษาภาษาอังกฤษที่กำลังศึกษาอยู่ในระดับก้าวหน้าอาจสามารถลงเรียนหลัก สูตรวิชาบางหลักสูตรของมหาวิทยาลัยได้ในระหว่างที่กำลังศึกษาภาษาอังกฤษอยู่ และข้อดีอีกข้อของการศึกษาหลักสูตรภาษาอังกฤษ (ESL) ของวิทยาลัยหรือมหาวิทยาลัยก็คือว่า นักศึกษาที่ถือวีซ่านักเรียนประเภท F-1 อาจสามารถสมัครขอทำงานในวิทยาลัยหรือมหาวิทยาลัยได้มากถึง 20ชั่วโมงต่อสัปดาห์

หลักสูตรของสถาบันสอนภาษาเอกชน

ตารางการเรียนการสอนของโรงเรียนสอนภาษาเอกชนโดยมากจะมีความยืดหยุ่น มากกว่าของทางวิทยาลัยหรือมหาวิทยาลัยเมื่อเอามาเปรียบเทียบกัน และภาคการศึกษาอาจเริ่มทุก ๆ สองถึงสามอาทิตย์ ซึ่งเป็นข้อดีสำหรับผู้ที่มองหาหลักสูตรภาษาอังกฤษแบบระยะสั้น

นอกจากนี้สถาบันสอนภาษาเอกชนยังเสนอหลักสูตรภาษาอังกฤษ ( ESL) แบบช่วงเวลาพักผ่อน โดยการให้นักศึกษาเรียนรู้ภาษาอังกฤษไปพร้อมกับการท่องเที่ยวในสถานที่ที่ น่าสนใจต่าง ๆ หรือให้นักศึกษามีส่วนร่วมในการทำกิจกรรม

2. โรงเรียนประถมศึกษาและโรงเรียนมัธยมศึกษา (Schools Sector)           

การศึกษาประถมศึกษาและมัธยมศึกษาจะใช้เวลาทั้งหมด 12 ปี ชาวอเมริกันเรียกแต่ละปีเหล่านี้ว่า “เกรด” มีตั้งแต่เกรดหนึ่งไปจนถึงเกรดสิบสอง เด็กนักเรียนชาวอเมริกันเริ่มต้นเข้ารับการศึกษาเมื่ออายุประมาณ 6 ขวบ โดยเริ่มศึกษาในระดับประถมศึกษาที่โรงเรียนประถมศึกษาก่อนหรือที่เรียกกัน ว่า “Elementary school” ใช้เวลาศึกษาในระดับนี้ทั้งหมดห้าถึงหกปีแล้วจึงสามารถเข้าทำการศึกษาต่อใน ระดับมัธยมศึกษา

โรงเรียนมัธยมศึกษาหรือ Secondary school มีสองหลักสูตรด้วยกัน หลักสูตรที่ 1 คือ หลักสูตรมัธยมศึกษาตอนต้น หรือที่เรียกกันว่า “Middle school” หรือ “Junior high school” หลักสูตรที่ 2 คือ หลักสูตรมัธยมศึกษาตอนปลายหรือ High school และนักศึกษาจะได้รับใบประกาศนียบัตรก็ต่อเมื่อนักศึกษาสำเร็จการศึกษาใน ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย หลังจากนั้นนักศึกษาจึงสามารถสมัครเข้าทำการศึกษาต่อในระดับวิทยาลัยหรือ มหาวิทยาลัยได้ ซึ่งเรียกกันว่า “Higher education”

ระบบการให้เกรด

นักศึกษาชาวต่างชาติต้องแนบใบประเมินผลการศึกษาของตนพร้อมกับใบสมัครเข้า วิทยาลัยหรือมหาวิทยาลัยในประเทศสหรัฐอเมริกาให้เหมือนกับนักศึกษา ชาวอเมริกันคนอื่น ๆ ซึ่งใบประเมินผลการศึกษานี้จะเป็นเอกสารหลักในการแสดงผลการศึกษาของนักศึกษา ได้แก่ เกรดและเกรดเฉลี่ย (GPA) ซึ่งเป็นตัววัดผลการศึกษาของนักศึกษา และการให้เกรดในประเทศสหรัฐอเมริกานั้นจะให้เป็นเปอร์เซ็น และจำนวนเปอร์เซ็นจะถูกผันแปรเป็นเกรดแบบตัวอักษร

บางครั้งระบบการให้เกรดและเกรดเฉลี่ย (GPA) ในประเทศสหรัฐอเมริกาก็มีความยุ่งยากซับซ้อนและทำให้นักศึกษาสับสน โดยเฉพาะกับนักศึกษาชาวต่างชาติ อีกทั้งมีการผันแปรเกรดด้วย ตัวอย่างเช่น มีนักศึกษาสองคนสำเร็จการศึกษามาจากโรงเรียนมัธยมศึกษาคนละแห่ง ทั้งคู่ยื่นใบสมัครเข้ามหาวิทยาลัยพร้อมกันและมีเกรดเฉลี่ยเท่ากันคือ 3.5 GPAs แต่นักศึกษาคนหนึ่งสำเร็จการศึกษามาจากโรงเรียนมัธยมศึกษาธรรมดา แต่นักศึกษาอีกคนสำเร็จการศึกษามาจากโรงเรียนมัธยมศึกษาที่มีชื่อเสียงโด่ง ดังทางด้านวิชาการ ดังนั้นทางมหาวิทยาลัยอาจจะมองดูเกรดเฉลี่ยในใบประเมินผลการศึกษาและให้ คะแนนนักศึกษาทั้งสองคนต่างกัน เนื่องจากทั้งสองคนมาจากโรงเรียนที่มีมาตรฐานทางการศึกษาไม่เหมือนกัน

ปีการศึกษา

เริ่มในเดือนสิงหาคมหรือเดือนกันยายนและดำเนินการเรียนการสอนต่อไปจนถึงเดือนพฤษภาคมหรือเดือนมิถุนายน

หนึ่งปีการศึกษาของโรงเรียนหลายแห่งประกอบด้วยสองเทอม เรียกว่าระบบ “Semesters“(โรงเรียนบางแห่งมีสามเทอมต่อหนึ่งปีการศึกษาซึ่งเป็นที่รู้จัก กันว่าระบบ “trimester”) นอกจากนี้ โรงเรียนบางแห่งได้รวมการเรียนการสอนภาคฤดูร้อนที่เป็นหลักสูตรวิชาเลือกไว้ ด้วยกันจึงแบ่งหนึ่งปีการศึกษาออกเป็นสี่เทอม โดยทั่วไปแล้ว ถ้านักศึกษาไม่ได้ลงเรียนภาคฤดูร้อน หนึ่งปีการศึกษาก็จะแบ่งออกเป็นสองเทอม (Semesters) หรือสามส่วนสี่เทอม (trimester)

ทางพี่ที่ปรึกษา Genius Plus Education ยินดีให้คำปรึกษาผ่าน

Email: info@geniusplusedu.com

Tel: 097-242-0602

Facebook: https://www.facebook.com/GeniusPlusEducations และ contact us ค่ะ

Scroll to Top